วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

ใบงาน7

เปรียบเทียบ FIFA Online 3 กับ Pro Evolution Soccer 2015
หน้าอินเตอร์เฟส
                FIFA – เมนูจะเป็นแบบทันสมัยกว่า เน้นความสวยงามและความสะดวกในการเข้าถึงเป็นหหลัก
               
PES – เมนูจะเป็นแบบเดิมๆไม่เปลี่ยนไปมาก ทำให้รู้สึกกำลังเล่นเกมแบบภาคก่อนๆที่มีความคลาสสิคเฉพาะตัว
กราฟฟิค
                คุณภาพของกราฟฟิคทำได้ดีใกล้เคียงกัน แต่ความสมจริงต้องยกให้ PES เพราะไม่ว่าจะเป็นใบหน้านักเตะ กรรมการ หรือกองเชียร์ PES สามารถทำได้เหมือนจริงกว่า FIFA แต่รวมๆแล้ว อรรถรสของในการเล่นของ FIFA ก็ไม่ได้น้อยกว่า PES มากนัก
ระบบการเล่น
                ระบบการเล่นของ PES พัฒนาจากเดิมมาก สามารถเลี้ยงบอล ส่งบอลได้ดีขึ้น จังหวะการส่งทันใจผู้เล่นทำมห้สามารถเล่นบอลไตล์ส่งกันอย่างเดียวบนพื้นได้ดี แต่ในส่วนของ FIFA นั้นไม่ต่างจากเดิมซักเท่าไหร่
ความฉลาดของ AI
                FIFA มีการพัฒนา AI มากขึ้น ทำให้รู้สึกเหมือนฟุตบอลของจริง ได้อารมณ์เหมือนนั่งดูฟุตบอลของจริงเลย
โหมดการเล่น
                PES มีการจำลองหลีกและถ้วยต่างๆมาใส่ไว้ในเกมได้อย่างครบถ้วน มีทั้ง UEFA Championship England Premier Leuge
อ้างอิง

http://www.trustedreviews.com/opinions/pes-2015-vs-fifa-15

ใบงานที่8

พลังแฝง
ภายในเกม FIFA ONLINE 3 นั้น นักเตะจะมี Traits หรือที่เราๆ เรียกกันว่า "พลังแฝง" นั่นเองครับผม โดยพลังแฝงเหล่านี้ สามารถเข้าไปดูจากฐานข้อมูลของนักเตะในเว็บเกาหลีตามนี้ครับ : http://fifaonline3.inven.co.kr/dataninfo/player/
เพิ่มเติมเว็บส่องพลังแฝงเป็นภาษาไทยครับ : http://fifaaddict.com/
หลังจากคลิกเข้าเว็บเกาหลีไปก็จะมีให้กดเลือกกรองนักเตะด้วยการติ๊กข้อมูลเพื่อคัดกรองหานักเตะที่เราต้องการนะครับ หากใครที่ใช้บราวเซอร์เป็น Google Chrome ให้คลิกขวา แล้วเลือก Translate to English จะทำให้ง่ายต่อการดำเนินการมากขึ้นครับ หลังจากที่เราเลือกนักเตะมาได้แล้วจะเข้ามาในหน้าข้อมูลของนักเตะครับผม

พลังแฝงต่างๆ ของนักเตะจะอยู่ในบริเวณที่วงกรอบแดงไว้ครับ
จากนั้นลองมาดูกันว่า พลังแฝงแต่ละอันมีความหมายว่าอย่างไร เพื่อที่จะเลือกหามาใช้ได้อย่างเหมาะสมครับ
Argues With Officials: นักเตะที่ชอบเถียงผู้ตัดสิน (ในเกมจริงๆ ไม่ค่อยเห็นผลมากนัก)
Avoids Using Weaker Foot: นักเตะจะหลีกเลี่ยงการใช้เท้าที่ไม่ถนัดในการยิงประตู
Long Thrower / Long Throw-in: เพิ่มระยะในการทุ่ม เหมาะสำหรับใช้เปิดเกมส์บุกริมเส้น
Giant Throw-in: นักเตะจะทุ่มบอลได้ไกลกว่า Long Thrower และสามารถทุ่มได้ไกลถึงในกรอบเขตโทษเพื่อโหม่งทำประตู
Takes Powerful Driven Free Kicks / Power Free-Kick: ผู้เล่นจะยิงลูกฟรีคิกได้แรงมาก และสามารถที่จะควบคุมบอลให้มุดลงตามเป้าได้
Diver: ผู้เล่นที่ชอบพุ่งล้ม เพื่อให้ได้ลูกโทษ หรือได้ฟาวล์
Injury Prone: เจ็บง่าย
Injury-Free: เจ็บยาก
Dives Into Tackles: เป็นผู้เล่นที่ชอบทิ้งตัวเข้าแย่งบอล เช่น สไลด์ขวางบอลทั้งตัว อย่าง S. Gerrard เป็นต้น
Tries To Beat Defensive Line / Tries To Beat Offside Trap: นักเตะกองหน้าที่สามารถเอาชนะกับดักล้ำหน้าได้เป็นอย่างดี เพื่อวิ่งหาช่องเข้าทำประตู
Selfish: นักเตะที่เห็นแก่ตัว ไม่ค่อยส่งบอลให้เพื่อน แต่ในเกมคงไม่เห็นผล เพราะเรากดส่งเอง จะมีผลก็คงเป็นโหมด Manager
Leadership: กัปตันทีมที่มีลักษณะนี้จะคอยห้ามไม่ให้ลูกทีมที่ได้รับการลงโทษปะทะกับผู้เล่นหรือกรรมการ
Early Crosser: นักเตะที่สามารถเปิดบอลจากระยะกลางสนามได้เป็นอย่างดี
Finesse Shot: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยิงให้แม่นยำขึ้นในการยิงหน้าประตู ชอบยิงเลียด และยิงมุมแคบได้ดี
Finesse Header: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการโหม่งให้แม่นยำขึ้นในการโหม่งหน้าประตู
Flair: มีไหวหริบและความคิดสร้างสรรค์ในการเล่น จะเห็นได้ชัดว่าชอบส่งบอลแบบเล่นท่า ไขว้ขาส่ง เป็นต้น
Long Passer: ส่งบอลระยะไกลได้แม่นยำ
Long Shot Taker: ยิงไกลได้ดี
Technical Dribbler: มีเทคนิดในการเลี้ยงบอลที่ดี
Speed Dribbler: มีความเร็วในการเลี้ยงบอลได้ดีมาก ไปกับบอลเร็ว วิ่งทำทางเร็ว
Playmaker: เป็นผู้เล่นที่คอยบงการเกมส์เมื่อทีมของคุณได้ครองบอลเพื่อเริ่มต้นการบุกหรือสร้างสรรค์เกมส์
GK Up for Corners / Comes For Crosses: ผู้รักษาประตูจะเติมขึ้นไปโหม่งลูกเตะมุมได้ ตอนท้ายเกม
GK Puncher / Puncher: เวลาโดนเปิดมุมหรือเปิดบอลบอลเข้ามาหาประตู ผู้รักษาประตูจะชกบอลออกไป มากกว่าจะรับบอลเพราะมีโอกาสพลาดสูง
GK Long Throw: เพิ่มระยะในการขว้างบอลจากประตู เหมาะสำหรับการบุกสวนกลับ
GK Flat Kick: เพิ่มความเร็วและความแม่นในการเตะส่งจากหน้าประตู จากมือผู้รักษาประตู
GK One On Ones: เมื่อเจอกับกองหน้าตัวต่อตัวมีโอกาสเซฟบอลสูง
GK Penalty Saving / Penalty Saving: มีทักษะในการเซฟจุดโทษที่ดี
Stay On Goal Line: ผู้รักษาประตูที่จะยืนติดเส้นประตูมากกว่าการที่จะวิ่งออกไปตัดบอลเอง
Cautious With Crosses (GK): ผู้รักษาประตูที่ตื่นตัวและชอบตัดบอลจากลูก Cross และลูกเตะมุม
Responsibility Taker Risk Taker Rushes Out Of Goal (GK): ผู้รักประตูที่ชอบวื่งออกไปตัดบอล
Power Header: เป็นผู้เล่นที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี โดยเฉพาะการเปิดมุม โดยจะเพิ่มความแรงของการโหม่ง และเมื่อยืนโหม่งความแรงจะเท่ากับการวิ่งมากระโดดโหม่ง
Outside Foot Shot: ยิงไซด์ก้อยได้ดี โดยผู้เล่นจะหลีกเลี่ยงใช้เท้าที่ไม่ถนัด และใช้เท้าข้างที่ถนัดยิงไซด์ก้อย
Swerve Pass: เพิ่มความโค้งในการจ่ายบอล จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากใช้การบังคับแบบ ควบคุมเอง
Second Wind: เพิ่มความอึด(Stamina)ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย
Acrobatic Clearance: เพิ่มโอกาสในการเคลียร์บอลด้วยท่ายากๆ เหมาะสำหรับตอนที่ตัวเราไม่ได้หันหน้าไปที่บอล (จักรยานอากาศ,กระโดดวอลเล่ย์)
Skilled Dribbling: ช่วยให้เลี้ยงบอลติดเท้ามากขึ้นเวลาพลิกตัวไปมาอย่างรวดเร็ว หรือเลี้ยงบอลพริ้วนั่นเอง
Fancy Passes: ช่วยให้จ่ายลูกแบบแฟนซีได้ เช่น Rabona
Passing and crossing Fancy Flicks: เพิ่มโอกาสในการส่งแบบตอกส้น และลูกแฟนซีอื่นๆ เหมาะในการจ่ายบอลโดยไม่ต้องพลิกหันหน้าให้ตรงทิศทาง
Stutter Penalty: ทำให้หลอกยิงลูกโทษจังหวะสองได้
Bicycle Kicks: ทำให้สามารถใช้ท่าจักรยานอากาศในการทำประตูได้ มีโอกาสมากขึ้นหากกดถูกจังหวะ
Diving Header: ทำให้สามารถใช้ท่าพุ่งโหม่งในการทำประตูได้ดีกว่าตัวอื่น มีโอกาสมากขึ้นหากกดถูกจังหวะ
Driven Pass: ทำให้สามารถจ่ายลูกเลียดที่รุนแรงได้ ใช้ในการส่งระยะทางไกล เหมาะสำหรับการใช้เวลาสั้นๆ ในการส่งระยะทางไกล (ไม่ต้องกด A ยาวๆ) การกด Driven pass คือ กด RB ค้างและกด B
One Club Player: ผู้เล่นที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสโมสร เช่น R. Giggs ,F. Lampard ,S. Gerrard ไม่ค่อยมีผลกับการเล่นในเกมเท่าไร
Team Player: นักเตะที่เป็นหัวใจของทีม (จะคล้ายกับ One Club Player)
Corner Specialist: นักเตะที่เตะมุมได้ดี หรือเหมาะกับการเตะมุมนั่นเองผู้เล่นที่กลับจากการตั้งรับและสวนกลับได้รวดเร็ว
Fancy Feet: น่าจะเป็นตัวเดียวกับ " Fancy Passes "
Forward Pushes Wide Left: นักเตะที่ชอบเติมขึ้นด้านซ้ายของสนาม
Forward Pushes Wide Right: นักเตะที่ชอบเติมขึ้นด้านขวาของสนาม
Heel Passer: ตอกส้นส่ง น่าจะคล้ายกับตัว " Fancy Flicks "
High Determination: มีความตั้งใจสูง ประมาณคนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
Holds Up: ตัวพักบอล
Inflexibility: ไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น เล่นตำแหน่งอื่นได้ยาก (ถนัดเล่นตำแหน่งตัวเองมากที่สุด)
Late Crosser: นักเตะที่สามารถรอจังหวะให้เพื่อนยืนตำแหน่งรอโหม่งแล้วค่อยเปิดบอลเข้าไปทำเกม
Low Concentration: สมาธิต่ำ
Low Determination: น่าจะตรงข้ามกับ " High Determination"
One Time Passer: ส่งบอลจังหวะแรก โดยไม่ต้องจับบอล
Outside Passer: ส่งบอลแบบไซด์ก้อย
Pumps Up Crowd: กระตุ้นแฟนบอล
Pumps Up Team Mates: กระตุ้นเพื่อนร่วมทีม
Pushes Forward: กองหลังที่เติมเกมรุกอยู่เสมอ
Pushes Up For Corners: กองหลังเติมไปโหม่งตอนเตะมุม
Super Sub: ตัวสำรองที่สามารถช่วยเปลี่ยนเกมได้เมื่อเป็นรอง และมีโอกาสทำประตูได้สูง
Switches Ball To Other Flank: นักเตะที่ชอบสลับด้านในการเล่นบอล โดยการโยนบอลข้ามฝากซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย
Takes Finesse Style Free Kicks: ท่ายิงฟรีคิกที่คมมากขึ้น
Target Forward: กองหน้าตัวเป้า
Through Balls: จ่ายบอลทะลุช่องได้ดี
Tries First Time Shots: พยายามยิงจังหวะแรกที่ได้แตะบอล
Wing Player: ผู้เล่นตำแหน่งปีก (ปีกธรรมชาติ)
Solid Player: ผู้ที่มีผลงานโดดเด่น เล่นได้ดีอย่างต่อเนื่อง ผู้เล่นในทีมไว้ใจ







ทำทีม WC All Star จะได้ Stats + 3 !!!!
และนี่ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความสามารถให้นักเตะของเราได้ ซึ่งทีม WC All Star คือ ทีมที่มีนักเตะปี WC ซึ่งในทีมของเพื่อนๆ ต้องมีนักเตะ WC อย่างน้อย 6 คนขึ้นไปเพื่อที่จะได้รับโบนัส
นั่นคือ Stat +3 [ แต่ไม่ใช่การ์ด + 2 ไปเป็น +5 ] ส่วนนักเตะตัวไหนที่ติด ALL Star ผมได้ช่วยกันกับแปลรายชื่อตามที่ทางเวปเกาหลีได้โพส WC ALL STAR PLAYER ที่มีทั้งหมด 52 คน ดังนี้
รายชื่อ
1. G. Samaras
2. J. Mikel
3. P. Odemwingie
4. S. de Vrij
5. A. Robben
6. R. Van persie
7. H. Son
8. M. Neuer
9. M. Hummels
10. T. Muller
11. M. Gotze
12. T.Kross
13. P. Lahm
14. G. Ochoa
15. R. Marquez
16. G. dos Santos
17. T. Howard
18. C. Dempsey
19. J. Vertonghen
20. K. De Bruyne
21. E. Hazard
22. E. Dzeko
23. Julio Cesar
24. David Luiz
25. Thiago Silva
26. Oscar
27. Neymar
28. X. Shaqiri
29. David Villa
30. S. Romero
31. L. Messi
32. G. Higuain
33. M. Rojo
34. I. Slimani
35. A. Dominguez
36. E. Valencia
37. L. Suarez
38. G.buffon
39. M.balotelli
40. K. Honda
41. A. Sanchez
42. E. Vargas
43. K. Navas
44. B. Ruiz
45. J. Defoe
46. Y. Toure
47. J. Rodriguez
48. J. Martinez
49. M. Mandzukic
50. C. Ronaldo
51. P. Pogba

52. K. Benzema

วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

FIFA Online 3 หนทางสู่ความสำเร็จ

FIFA Online 3 หนทางสู่ความสำเร็จ
1.หน้าที่ของตำแหน่งต่างๆ
                การจะสร้างทีมให้แข็งแกร่งได้นั้น จะต้องมีแผนการเล่นที่ดี เข้ากับลักษณะการเล่นของเรา แต่การที่เราจะสร้างแผนการเล่นได้นั้น เราต้องเข้าใจการทำงานของตำแหน่งต่างๆว่าทำงานอย่างไร เพื่อให้นักเตะทำงานได้ตามใจเรา
Part1 กองหลัง

CB [Center Back] จะเป็นตำแหน่งสำคัญที่สุด เพราะว่าเป็นจุดยืนตรงกลาง ด้านหน้าผู้รักษาประตูเลยทีเดียว เป็นจุดที่ปะทะกับตำแหน่ง ST ของอีกฝ่าย ถ้าหลุดจากตำแหน่งนี้มาแล้วส่วนใหญ่ก็มักจะเสียประตูทันที เพราะฉะนั้น ไม่ควรบังคับ CB จนเสียตำแหน่ง
             ส่วนใหญ่คนที่จะใช้งานตำแหน่ง
CB มักจะเป็นคนที่ใช้หลัง 3 หรือ หลัง 5 ตัวนะครับ เพราะ CB นั้นจะเป็นตำแหน่งกลาง
บริเวณการทำงานของ CB
RCB LCB [Right,Left Center Back] จะเป็นตำแหน่งเดียวกับ CB  แต่ว่าจะแบ่งฟากยืน เป็นซ้ายกับขวา เวลาที่บอลโดนบุกมาจากด้านขวา RCB ก็จะทำหน้าที่ทันที โดยจะมีหน้าทีสนับสนุน RB อีกทีนึงครับ แต่โดยรวมแล้วก็จะอยู่ตำแหน่งตรงกลางๆ ทั้งคู่
             ตำแหน่งนี้จะเป็นตำแหน่งปกติสำหรับคนที่เลือกใช้งานกองหลัง
4 ตัว
บริเวณการทำงานของ RCB LCB
SW [Sweeper] ตำแหน่งนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตัวเดียวกับที่เล่น CB ครับ เพราะเป็นตำแหน่ง ห้อยท้าย ซึ่งจะยืนค่อนข้างติดกับประตู และยืนต่อหลัง CB อีกที ข้อดีคือสามารถซ้อนตำแหน่งของ CB ได้เมื่อมีการจ่ายหลุดมาครับ แต่ข้อเสียของการเล่น SW คือจะไม่สามารถเช็คล้ำหน้าได้ง่ายๆ เพราะว่ามี SW ยืนค้ำอยู่เนี่ยแหละครับ ซึ่งนั่นก็จะทำให้เกมรุกของอีกฝ่ายจ่ายบอลกันเพลินเลย
              นักเตะที่สามารถยืน SW นั้นก็จะเป็นนักเตะตัวเดียวกับตำแหน่ง CB
บริเวณการทำงานของ SW
RB LB [Right,Left Back] ตำแหน่งทั้งสองนี้จะเป็นกองหลังที่แยกออกไปเป็นปีกซ้ายขวา จะทำการอยู่แถวๆ ริมเส้นในแนวรับนั่นเองครับ มีหน้าที่ปะทะกับปีกของฝ่ายรุกโดยเฉพาะ และยังคอยเติมไปถึงแดนกลางด้วยครับ จุดนี้จะขึ้นอยู่กับ Tactic ของผู้เล่นเองด้วย
บริเวณการทำงานของ RB LB
RWB LWB [Right,Left Wing Back] ตำแหน่งนี้ต้องบอกก่อนเลยว่า ผมก็ไม่มั่นใจเท่าไร แต่เท่าที่ลองปรับใช้ดู และดูข้อมูลมานั้น จะทำงานละม้ายคล้ายกับ LB RB นั่นเอง แต่ว่าจะช่วยดันเกมสูงกว่า LB RB พอสมควร คือจะไปช่วยเล่นปีกแถวๆ กลางสนามในระหว่างที่ทำเกมบุก
             นักเตะที่ใช้เล่น LWB RWB ก็เป็นตัวเดียวกับ LB RB ด้านบนเลยจ้า เล่นได้เหมือนกัน
บริเวณการทำงานของ RWB LWB

Part2 กองกลาง
                CDM LCM RCM [ Central Defensive Midfielder, Right และ Left ] เป็นตำแหน่งกลางรับนั่นเอง จะแบ่งออกเป็น ซ้าย กลาง และขวา ตามตำแหน่งที่เราวาง แต่จะมีผลเหมือนกันหมด และโดยปกติจะยืนแตกต่างกันไปตามรููปเกม อย่างเกมรับ หากเราโดนบุกอย่างต่อเนื่อง ตัว CDM ของเราจะถอยลงไปในไลน์เดียวกับกองหลังกันเลยทีเดียว จะเห็นได้บ่อยๆ ว่า CDM ของเราจะไปยืนคู่ๆ กับ CB ถ้าโดนกระหน่ำบุกมากๆ และหากเราได้เปิดเกมรุกบ้าง ตัว CDM จะช่วยเติมเกมบุกไม่เกินเส้นครึ่งสนาม หรือจะยืนอยูู่แถวๆ เส้นวงกลมกลางสนาม
             ตำแหน่งนี้จะเป็นที่นิยมใช้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นตำแหน่งที่ช่วยทั้งเกมรับและประคองเกมรุกได้เป็นอย่างดี
บริเวณการทำงานของ CDM LCM RCM
                CM [ Central Midfielder ] สำหรับตำแหน่งนี้จะเป็นตำแหน่งที่วิ่งประคองอยู่กลางๆเกม สามารถตั้งลูกศรให้ขึ้นสุด ลงสุดก็ได้ จะทำให้วิ่งช่วยเกมรับและรุกได้ตลอดเวลา แต่ข้อเสียหากปรับแบบนี้จะทำให้เหนื่อยง่ายครับผม ช่วงๆ ปลายเกมจะเป็นตำแหน่งที่ต้องเปลี่ยนอันดับต้นๆ เลย บางคนใช้ CDM แล้วก็ยังปรับ CM ลงมาต่ำๆ ช่วยเกมรับเยอะหน่อย แต่เกมรุกก็ยังเติมได้ดี
              สำหรับตำแหน่งนี้อาจจะต้องเลือกใช้เพียงตำแหน่งเดียว ระหว่าง
CM กับ CAM ครับ เพราะมันจะค่อนข้างทับซ้อนกัน

บริเวณการทำงานของ CM

                RM LM [ Left, Right Midfielder ] ในตำแหน่งนี้ผมได้แยกออกมาจาก CM เพราะว่าลักษณะการทำงานของเค้าจะวิ่งเป็น ปีก นั่นเอง โดยจะวิ่งเติมเกมรุกและช่วยเกมรับอยู่ในแนวริมเส้น แต่ว่าจะไม่บุกสูงมาก จะอยู่บริเวณกลางๆ ครับ ไม่ต่ำไป และไม่สูงไป จะช่วยเป็นจุดพักบอลของคนที่ชอบเล่นออกข้าง แล้วเปิดกลับเข้ามาโหม่ง หรือทำเกมในลักษณะอื่นๆ ต่อไป
             สำหรับคนที่จะใช้งาน
LM RM ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต้องเน้นลูก Crossing หรือลูกโยนต่างๆ เข้าไปทำประตู ซึ่งจะช่วงให้กองกลางของอีกฝ่ายฉีกมาประกอบและช่วงกลางๆ จะว่าง
บริเวณการทำงานของ RM LM

CAM, RAM, LAM [ Central Attack Midfielder และ Right, Left ] ในตำแหน่งนี้หลายๆ คนจะเรียกว่า "กลางรุก" นั่นเอง ซึ่งก็ตรงตัวว่าเป็นกองกลางที่ช่วยเน้นเกมรุก ที่จะอยู่ตรงกลาง ถัดลงมาจากตำแหน่งของ CF ของกองหน้าอีกทีหนึ่ง เวลาเราบุกจากด้านข้างไปเรื่อยๆ แล้วเจอทางตัน ตำแหน่งของ CAM นี้ก็จะยืนรอการส่งกลับมาตรงกลางอยู่บริเวณหัวกระโหลกกรอบเขตโทษ เพื่อจ่ายบอลต่อหรือยิงไกลในตำแหน่งนี้ได้
             CAM นั้นจะเป็นตัวที่คอยเสริมเกมรุก หากตั้งลูกศรให้บุกเต็มสุด จะเติมเข้าไปถึงในกรอบเขตโทษ วิ่งแทนกันไปมากับ CF และ ST ครับผม ในบางครั้งจะโฉบมาโหม่งด้วย และยังใช้เป็นตำแหน่งยิงปั่นไกลกันบ่อยๆ
บริเวณการทำงานของ CAM

Part3 กองหน้า
                ST LS RS [ Striker, Left และ Right Striker ] หรือที่เข้าใจกันง่ายๆ ว่า "หน้าเป้า" นั่นเอง สำหรับตำแหน่งนี้จะเป็นตำแหน่งหน้าเป้าสมชื่อจริงๆ เพราะว่าจะเป็นตัวที่ห้อยอยู่สูงตลอด และอยู่ติดกับแผงหลังของฝ่ายตรงข้าม ลักษณะเด่นของ ST คือ เหมาะกับรูปแบบการเล่นที่ไล่แทงทะลุช่องไปหา ST หรือแม้กระทั่งบอลเน้นเปิดจากข้างสนามไปหา ST ของเรานั่นเอง
             จุดด้อยหลักๆ จะเป็นเรื่องของการยืนตำแหน่ง
ST RS LS นั้นจะยืนอยู่สูง จึงทำให้จังหวะการต่อบอลขึ้นไปหาทำได้อย่าง เพราะจะมีระยะห่างระหว่างกองกลางค่อนข้างเยอะครับ แก้ได้โดยการวาง CAM RAM LAM ช่วยปิดช่องวางส่วนนี้ได้ดี
            ตำแหน่ง
LS RS จะยืนในระดับเดียวกับ ST แต่ว่าจะอยู่ซ้าย และ ขวา
บริเวณการทำงานของST LS RS

CF LF RF [ Center Forward, Left Forward และ Right Forward ] เป็นตำแหน่งกองหน้าที่มีลักษณะการยืนที่ไม่ห้อย หรือ รอบอลอยู่ในแดนหน้าเฉยๆ ครับ CF จะเป็นตำแหน่งที่วิ่งขึ้นลงตลอด นอกจากจะเป็นตัวที่ช่วยทำประตูแล้ว ยังเป็นตัวที่คอยวิ่งลงมาช่วยเพิ่มต่อบอลจนถึงแดนตัวเองอีกด้วย
              เวลาที่ทีมเราโดนบุกตำแหน่ง
CF จะลงมาช่วยถึงแดนตัวเอง ซึ่งจะทำให้ต่อบอลกันได้ดี และพาบอลขึ้นไปทำประตูได้ง่าย ส่วนใหญ่มักจะยืนซ้อนกับ ST ไว้อีกระดับนึง เพื่อนเป็นตัวเชื่อมระหว่าง แดนกลางไปถึง ST ครับ แต่บางคนก็เลือกที่จะใช้ CF เพรียวๆ เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับ ST ที่ห้อยอยู่แดนหน้าตลอด และ CF จะเป็นตำแหน่งที่โหม่งทำประตูได้ดี เพราะไม่วิ่งจนล้นตำแหน่งเกินไปนัก
             ใช้ตัวเดียวกันกับ ST เลยก็ได้ครับ เพราะสามารถเล่นได้เหมือนกันทั้ง ST และ CF
บริเวณการทำงานของ CF LF RF

RW LW [ Right Wing และ Left Wing ] ในตำแหน่ง Wing จุดนี้จะตรงตัว คือ ยืนปืนออกกว้าง ซ้ายสุด ขวาสุด ของสนาม เวลาดำเนินรูปเกมไป ตัว RW LW ของเราจะรอรับบอลอยู่ริมเส้น เหมาะกับการเดิมเกมจากเส้นข้างสนาม เช่น เปิดบอลเก่งๆ เพื่อให้ CF หรือ ST โฉบมาโหม่ง หรือ เลี้ยงบอลเก่งๆ เพื่อตัดเข้ามายิงไกล เป็นเหตุผลที่ส่วนใหญ่ชอบใช้ ตัวถนัดเท้าขวายืนซ้าย ตัวถนัดซ้ายยืนขวา เพราะต้องเข้ามาปั่นในเท้าที่ถนัดนั่นเอง
            ลักษณะการเคลื่อนที่ของ
RW LW นั้นจะเป็นการวิ่งขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นรูปเกมที่สวนกันไปมากตลอดทั้งเกมจะทำให้ RW LW พลังหมด (เหนื่อย) ก่อนเพื่อนเลย เพราะว่าวิ่งขึ้นสุด ลงสุดตลอดเวลานั่นเอง
            จุดสังเกตุ คนที่เล่น
RW LW จะเห็นว่านักเตะจะเริ่มพลังหมดในช่วงนาทีที่ 60 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นตำแหน่งหลักๆ ที่ต้องเปลี่ยนกันเลย
บริเวณการทำงานของ RW LW

2.การปรับแทคติก
ฟุตบอลมีแผนการเล่นมากมายหลายแบบ 4-4-2 , 4-1-2-2-1, 4-3-3, ส่งบอลสั้นๆ tiki taka , เน้นปีกเปิดบอลให้โหม่ง ฯลฯ แต่ทำไมเวลาเราเล่นมันไม่ได้ดั่งใจเราเลย เปิดบอลแล้วโหม่งไม่ได้ แทงบอลแล้วไม่วิ่ง วันนี้เรามีวิธีปรับแต่งแทคติกทีมให้เข้ากับวิธีการเล่นของเรา
เราสามารถเข้าไปปรับแทคติกของทีมได้โดย กดที่ ทีม>>จัดการทีม>>แทคติกของทีม
โดยแต่ละหัวข้อมีความหมายดังนี้
การเล่น
ความเร็วเกม  สามารถปรับได้จาก 1-100
ถ้าเราชอบเล่นต่อบอลสั้นๆ ครองเกมเราควรจะปรับให้ความเร็วน้อยๆ คืออยู่ใกล้ 1   แต่ถ้าเราชอบส่งบอลยาวๆ บอลโด่ง โต้กลับเร็ว ส่งบอลลอดช่อง ไปในพื้นที่ว่าง ก็ควรปรับให้ความเร็วมากใกล้ 100

การส่งบอล  สามารถปรับได้จาก 1- 100
ถ้าเราชอบเล่นต่อบอลสั้นๆ เราควรจะปรับให้อยู่ใกล้ 1  แต่ถ้าเราชอบส่งบอลยาวๆ ก็ควรปรับให้มากใกล้ 100  จากหัวข้อที่แล้วความเร็วในการเล่นถ้าเราเลือกความเร็วน้อยก็ควรปรับให้ส่งสั้นคือค่าใกล้ 1 ถ้าเราปรับเกมเร็วเราก็ควรปรับการส่งบอลเยอะๆใกล้ 100 เพื่อปรับให้ส่งบอลยาว
การยืนตำแหน่ง
ถ้าตัวผู้เล่นเรามีความสามารถสูงค่าพลังเยอะ เราก็สามารถปรับการยืนให้เป็นแบบอิสระได้ ผู้เล่นก็จะวิ่งคอยหาที่ว่างคอยรับบอลได้ ส่วนถ้าผู้เล่นของเราความสารถไม่มากก็ปรับการยืนตำแหน่งให้เป็นตามแผน
เกมรุก
ส่งบอล   สามารถปรับได้จาก 1- 100
ถ้าเราเล่นแบบส่งบอลสั้นๆ รัดกุมก็ปรับค่าให้น้อยๆใกล้ 1 แต่ถ้าเราชอบส่งบอลยาวทะลุช่องไปพื้นที่ว่าง แล้วให้ผู้เล่นวิ่งตาม ก็ปรับให้ค่านี้เยอะๆ ใกล้ 100
เปิดบอล   สามารถปรับได้จาก 1- 100
ถ้าเราชอบเล่นเปิดบอลจากริมเส้นมาให้โหม่ง หรือเข้าชาร์จบอล ถ้าปรับค่านี้มาก เข้าใกล้ 100 นักเตะของเราจะพยายามวิ่งเข้าหากรอบประตูเพื่อรอโหม่ง หรือชาร์จบอล ถ้าเราเล่นบอลสั้น หรือไม่เน้นเปิดบอลให้โหม่ง ก็ปรับค่าให้น้อยๆ ใกล้ 1 นักเตะของเราก็จะยืนตำแหน่งตามแผน
การเข้าทำ   สามารถปรับได้จาก 1- 100
ถ้าปรับค่านี้มากใกล้ 100 นักเตะจะพยายามวิ่งเข้าหาตำแหน่งเมื่อส่งทรูบอลหรือส่งโ่ด่งข้ามหัวไปที่ว่าง แต่ถ้าน้อยนักเตะจะยืนตำแหน่งตามแผน
การยืนตำแหน่ง
ถ้าแผนการเล่นเป็นแบบส่งสั้นละผู้เล่นมีความสามารถ ค่าพลังสูง ก็ควรปรับการยืนตำแหน่งให้เป็นแบบอิสระ แต่ถ้าเล่นแบบส่งบอลยาว หรือผู้เล่นมีความสามารถต่ำก็ควรปรับการยืนตำแหน่งให้เป็นแบบตามแผน
บุกจากด้านข้าง
ถ้าเน้นการบุกจากด้านข้างแล้วเปิดบอลให้โหม่ง ให้เลือกบุกแหลก แต่ถ้าไม่เน้นก็ให้เลือกปกติ
กองหลังร่วมบุก
ถ้าให้กองหลังดันขึ้นไปบุกด้วยก็ให้เลือกใช่ แต่ถ้าให้ยืนตำแหน่งไว้ก็เลือกไม่
เกมรับ
การกดดัน  สามารถปรับได้จาก 1- 100
ถ้าปรับค่านี้เยอะๆ ใกล้ 100 นักเตะของเราจะกดดันเข้าแย่งบอลคุ่แข่งเราตั้งแต่แดนตรงข้ากับเราทันที กองหลังจะดันขึ้นสูง เหมาะจะเล่นคู่กับการเช็คล้ำหน้า แต่ถ้าค่านี้น้อยนักเตะของเราจะกดดันเข้าแย่งบอลเฉพาะในแดนของเรา กองหลังไม่ดันขึ้นสูง และไม่เหมาะจะเล่นคู่กับการเช็คล้ำหน้า
การบุก  สามารถปรับได้จาก 1- 100
ถ้าปรับค่านี้เยอะๆ ใกล้ 100 นักเตะของเรา สองตัวหรือมากกว่าจะเข้าประกบคู่ต่อสู้เร็วประชิดตัว การสไลด์ การเข้าชาร์จบอลจะเยอะขึ้น ถ้าปรับค่านี้น้อยใกล้ 1 นักเตะของเราจะอาศัยการบังทางบอลบีบให้ส่งไม่เข้าพรวด เหมาะกับคู่ต่อสู้ที่เลี้ยงหลบเก่ง
การไล่บอล  สามารถปรับได้จาก 1- 100
ถ้าปรับค่านี้เยอะๆ ใกล้ 100 นักเตะของเรา จะไล่บอลกว้างไปด้านข้างทั่วสนาม แต่ถ้าปรับค่านี้น้อยๆ ใกล้ 1 นักเตะของเราจะบีบไล่บอลเฉพาะกลางสนาม
แนวป้องกัน
ถ้าเลือกเป็นแบบอิสระแนวรับจะลึกเมื่อเซ็นเตอร์สกัดพลาดแบ็คจะช่วยเข้ามาสกัดกองหน้าอักชั้นหนึ่ง ถ้าเลือกเช็คล้ำหน้ากองหลังจะดันขึ้นสูงเพื่อเช็คล้ำหน้า
แนวโน้มของทีม
แบ่งเป็น 4 ระดับ คือ ป้องกันสุดตัว, ป้องกัน, มาตรฐาน, บุก, พับกระดานบุก
โดยในการตั้งค่าแทคติกเราสามารถตั้งค่าไว้ได้สูงสุด 6 ชุด และสามารถเลือกใช้ในระหว่างเกมเพื่อแก้สถานการณ์ของเกมได้
เทคนิคการจัดวางกองหน้า
                ทีมเรายังสามารถที่จะปรับเปลี่ยนอะไรให้มีความตื่นตาตื่นใจมากกว่าเดิมเพิ่มขึ้นอีกในการเล่น
ซึ่งในหัวข้อนี้จะพูดถึง แผงกองหน้าที่เป็นแผนที่สำคัญสำหรับทุกๆทีมในการทำประตูคู่แข่ง โดยขอยกบรรดาแผนสำหรับกองหน้า
4 ตัว ที่ฮิตมากมาให้ได้ชมกันว่ามีการวางตำแหน่งยังไง แบบไหนได้บ้าง
แบบที่1 วาง ST 1 ,CF 2 ,RW 1 และ CAM 1 โดยจะเด่นที่มีการเติมเกมส์จาก RW แล้วมี CF 2 ตัว ทำเกมส์อยู่หลัง ST
แบบที่1

แบบที่2 วาง ST 1 ,CF 1 ,RW 1,LW 1, และ CAM 1 โดยจะเน้นการขึ้นเกมส์จากปีกมากขึ้นทั้ง 2 ด้าน มี ST , CF คอยทำเกมส์หน้าปากประตูโดยอาจจะเน้นการเข้าทำโดยการครอสบอลจากด้านข้าง
แบบที่2
แบบที่3 วาง ST 2 ,RW 1,LW 1, และ CAM 1 แผนนี้จะมี ST ทำเกมส์ 2 ตัว และปีก 2 ข้าง โดยอาจจะต้องดัน CAM สูงขึ้นมาเพื่อคอยสนับสนุน ST
แบบที่3
แบบที่4 วาง ST 2,CF 2, CM 1 แผนนี้จะเน้นการเข้าทำตรงกลาง โดยจะตัดปีกออกไป ทำให้สามารถถอย CAM มาเป็น CM เพื่อช่วยเกมส์รับได้อีกแรง
แบบที่4
แบบที่ 5 วาง ST 1 ,CF 1 ,RW 1,LW 1, และ CAM 1 เหมือนแบบที่ 2 แต่จะแตกต่างตรง หุบ ปีกทั้งสองข้างเข้ามาใกล้กรอบเขตโทษมากขึ้นเพื่อเพิ่มการต่อบอลระยะสั้นให้มีประสิทธิภาพ
แบบที่5
แบบที่6 วาง ST 2 ,CF 1 ,LW 1, และ CAM 1 แผนนี้จะใช้ CAM เป็นตัวเสริมการรุกจากด้านข้างแทนตำแหน่ง RW ซึ่งอาจจะเหมือนการวางหน้า 5 ตัวเลยทีเดียว แต่การวางเป็น CAM อาจจะต้องการให้สามารถช่วยเกมส์แดนกลางอีกแรง น่าจะเป็นการวางที่บุกได้ระห่ำแบบหนึ่ง
แบบที่6
แบบที่7 ST 1 ,CF 1 ,RW 1,LW 1, และ CAM 1 แผนนี้จะหุบปีกทั้งสองข้างเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ คล้ายๆเป็นการยืนหน้า 3 แต่ก็ยังมี CF ที่คอยเติมแถวสองอยู่ด้านหลังพร้อมกับ CAM
แบบที่7
แบบที่8 วาง ST 3, CAM 2 แผนนี้จะเน้นการโจมตีจากหน้ากรอบเขตโทษครับ ซึ่งมี CAM ถึง 2 ตัวคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง
แบบที่8
แบบที่9 วาง ST 3, CAM1, CM 1 แผนนี้จะคล้ายๆกับแบบที่ 1 แต่จะดึง CAM ต่ำลงมาเป็น CM 1 ตัวเพื่อคอยช่วยในการตัดเกมส์และเบรคเกมส์คู่แข่งก่อนถึงแดนหลัง
แบบที่9
แบบที่10 วาง ST 1, CF 1, LW 1, CAM 1 แผนนี้จะเพิ่มความหลากหลายจากด้านปีกเข้ามา รวมถึงมี CF คอยเชื่อมเกมส์ให้กับ ST ที่วางเป็นหน้าเป้า
แบบที่10
แบบที่11 วาง ST 1, CF 1, LW 1, CAM 1, RM 1 แผนนี้วางค่อนข้างกว้างและคลุมแดนหน้าเพราะ เพิ่มการโจมตีด้านปีก ทั้งสองข้างที่โจมตีด้วยการโยนเข้ามาได้อันตราย
แบบที่11
แบบที่12 วาง ST 1, CF 2, CAM 2 แผนนี้จะเน้นไปตรงการบุกกลางสนามถึงหน้ากรอบเขตโทษครับ ซึงจะมี CF และ CAM คอยป้อนบอลให้กับหน้าเป้านั่นเอง
แบบที่12
แบบที่13 วาง ST 2,LW 1, CAM 2 แผนนี้จะวางหน้าคู่เจาะไปตรงๆ โดยการพึ่งความสามารถเฉพาะตัว ความเร็ว ในการผ่านกองหลังคู่แข่ง LW กับ CAM ที่คอยสนับสนุนควรเป็นผู้เล่นที่มีความเร็วในระดับนึง และ มีการส่งบอลที่แม่นยำให้กับคู่กองหน้า รวมทั้งการหวังผลจากการยิงไกล
แบบที่13
แบบที่14 วาง ST 1, RW 1, LW 1, CAM 1 แผนนี้จะเน้นการโจมตีจากปีกทั้งสองข้าง น่าจะเหมาะกับการโจมตีแบบโยนเข้ามาจากด้านข้าง เพราะจะมีเพียง CAM ที่คอยสนับสนุน ST โดยอาจจะดัดแปลงเติม CF เข้าไปเชื่อมเกมส์สักตัวก็ได้นะครับ
แบบที่14
แบบที่15 วาง ST 1, CF 2, CM 2 แผนนี้ 3 ผสานแดนหน้าต้องมีการทำเกมส์ร่วมกันที่ดี ST ควรมีค่าความแข็งแกร่งเพื่อพักบอล เก็บบอลให้ CF ทั้ง 2 ทะลุเข้าไปในการทำประตู ที่หายไปคือ CAM ที่จะคอยสนับสนุน เพราะ ST จะมีการลงมาล้วงบอลเอง(สังเกตุได้จากระดับขีด) ทำให้แดนกลางจะมี CM ถึง 2 ตัว แทน CAM ในการช่วยเกมส์รุกและรับ

แบบที่15
แบบที่16 วาง ST 2, CF 1, CAM 2 แผนนี้จะคล้ายๆกับแผนที่ 5 แต่จะแตกต่างที่มี ST ถึง 2 ตัว ในการบุกเข้าไปทำประตู ซึ่งมีทั้ง CF CAM ถึง 3 ตัวสนุบสนุนข้างหลังทำให้แผนนี้ถ้าคู่แข่ง มี CDM น้อยอาจจะต้านทานไว้ไม่อยู่

แบบที่16
เทคนิคการจัดวางกองกลาง
                สำหรับแดนกลางที่ผมจะยกขึ้นมานั้นอาจจะบอกได้เลยว่า ความหลากหลายอาจจะไม่เยอะเท่าแดนหน้า เพราะด้วยจำนวนที่จำกัดทำให้ปัจจุบันนิยมใช้แดนกลางกันเพียงไม่กี่ตำแหน่ง และจะเน้นหนักไปที่แดนหน้ากับหลัง เราไปดูภาพการวางกันเลย

แบบที่1 วาง CM 1, CAM 1 แบบแรกนี้จะเป็นแบบที่พบเห็นกันได้บ่อยใน Ranking สำหรับแผนหน้า 4 นะครับ ซึ่งแน่นอนว่าหน้าที่หลักๆก็คือ CAM สนับสนุนอยู่หลัง แดนหน้า ส่วน CM จะคอยสกรีนบอลเมื่อคู่แข่งบุกมาแถวๆกลางสนามก่อนถึงแผงกองหลังนะครับแต่จะต่างกับ CDM ตรงที่จะวางอยู่ประมาณแถวๆกลางสนามจะไม่ลงไปลึกมาก


แบบที่1
แบบที่2 วาง CDM 1, CAM 1 แบบที่สองนี้ก็จะแตกต่างจากแบบแรกเพียงแค่ขยับ CM ลงมาเป็น CDM ซึ่งจะทำให้นักเตะของเรา ลงไปยืนสกรีนลึกอยู่หน้าแผงกองหลังของเราทำให้เกมส์รับมีความแน่นเพิ่มขึ้น
แบบที่2
แบบที่3 วาง CAM 1, RM 1, LM 1, CDM 1 แบบนี้จะเป็นแผนที่เมื่อก่อนแรกๆเคยฮิตใช้กันนะครับ จะวางเป็นทรงรูปเพชร หรือเรียกว่าแผน “Diamond” ถือว่าเป็นการวางได้สมดุลแผนนึง มีตัวรุก รับ พร้อมปีกเดินเกมส์ 2 ข้างซึ่งปัจจุบันดัดแปลงดันปีกทั้ง 2 ข้างขึ้นสูงไปในแดนหน้าแทนครับ
แบบที่3

แบบที่4 วาง CAM 1, CDM 2 แผนนี้ถ้าเป็นหน้า 4 ตัวอาจจะต้องยอมสละกองหลัง 1 ตัวมายืนเป็น CDM ครับจึงจะเห็นบ่อยๆสำหรับคนที่เล่นหลัง 3 เพราะจะทำให้เกมส์รับดูแน่นขึ้นกับการเสียกองหลังไป 1 ตัว หรือ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบการเติมเกมส์จากแบ๊คทั้ง 2 ข้าง
แบบที่4
แบบที่5 วาง CAM 1, CM 1, CDM 1 สำหรับแผนนี้จะเป็นการวางที่อาจจะดูเกินๆไปนิดนึงตรงที่ มี CM เข้ามาร่วมด้วย แต่ จะทำให้การเชื่อมบอลจากหลังไปหน้านั้น มีความชัวร์มากขึ้น ซึ่งนักเตะที่จะวางตรงตำแหน่ง CM นั้นต้องเป็นนักเตะที่มีความอึดสูง วิ่งขึ้นลงได้ตลอดเกมส์ ช่วยทั้งรับและรุกครับผม
แบบที่5
แบบที่6 วาง CAM 2, CM 1, CDM 2 แผนนี้ถือว่าเป็นแผนที่ทีมของเรานั้นเน้นเกมส์แดนกลางเต็มสูบเลยก็ว่าได้ แต่ข้อเสียก็คือ จะเหลือหน้าเป้าเพียงตัวเดียว ซึ่งต้องพึ่ง CAM มากหน่อยในการช่วยทำประตู

แบบที่6